วันจันทร์ ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564, 16.05 น.
จากกรณี นายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ก่อเหตุใช้อาวุธปืนลูกซองยิง พระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร หัวหน้าสำนักสงฆ์พุทธอุทยานถ้ำเขาเพ-ลา และเป็นพระนักพัฒนาชื่อดังของ จ.สุราษฎร์ธานี มรณภาพ พร้อมกับ นายชูรัตน์ คงคล้าย อายุ 48 ปี ลูกศิษย์ เมื่อเวลา 01.20 น.วันที่ 7 เมษายน 2563ปีที่ผ่านมา โดย สภาพศพพระชลธาร ภาวโร กาญจนบุตร ถูกยิงด้วยปืนลูกซองเข้าบริเวณข้างลำตัวด้านขวามือจำนวน 1 นัด และที่ด้านหลังบริเวณท้ายทอย อีก 1 นัด มรณภาพคาที่ ห่างจากศพไปประมาณ 1 เมตร พบปลอกกระสุนปืนลูกซองที่ยิงแล้วตกอยู่ 1 ปลอก ห่างออกไปประมาณ 8 เมตร พบอาวุธปืนพกสั้นขนาด .380 บรรจุอยู่ในซองปืนตกอยู่ข้างต้นปาล์มน้ำมัน
ส่วนศพนายชูรัตน์ คงคล้าย ลูกศิษย์ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซองที่ลำคอเสียชีวิตอยู่บนท้ายรถกระบะ สีขาว หมายเลขทะเบียนบง 871 นครศรีธรรมราช ใกล้กับรถคันดังกล่าวพบปลอกกระสุนปืนลูกซองที่ยิงแล้วตกอยู่ จำนวน 2 ปลอก โดยเหตุเกิดขึ้นต่อหน้าต่อตา นายปัญญาภรณ์ วัฒนปราโมทย์ ปลัดอาวุโสอำเภอท่าชนะ พร้อมกำลังชุดปกครอง 14 นาย ซึ่งนายมานพ โกปิน อายุ 55 ปี ผู้ใหญ่บ้าน ม.9 อ้างว่ายิงเพื่อป้องกันตัว เนื่องจากพระชลธารฯพร้อมลูกศิษย์ฝ่าฝืน พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกมาตีผึ้งที่บริเวณเชิงเขาเพ-ลา และพระชลธารฯ ได้ขัดขวางการจับกุมและชักปืนต่อสู้ ส่วนนายชูรัตน์ชักมีดต่อสู้จึงยิงใส่ไป 1 นัด จนเป็นข่าวโด่งดังเมื่อปีที่ผ่านมา
คืบหน้าล่าสุดวันที่ 22 ก.พ. 64นายสมบูรณ์ ทองพัฒน์ ทีมทนายความ พระชลธาร ฯ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2563 ศาลจังหวัดไชยาได้มีคำสั่ง คดีหมายเลขดำที่ ช1/2563 คดีหมายเลขแดงที่ ช2/2563 หลังจากนัดไต่สวนเรื่องชันสูตรพลิกศพ พระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร และนาย ชูรัตน์ คงคล้าย ว่าขณะเสียชีวิตทั้งคู่อยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่หรือไม่ ซึ่งศาลจังหวัดไชยาได้มีคำสั่งว่า ขณะเกิดเหตุนอกจากรัฐบาลประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 2 เรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22 .00 น.ถึง 04.00 น. ของทุกวัน ยังมีคำสั่งนายอำเภอท่าชนะแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ให้เป็นผู้ปฏิบัติงานระดับตำบลสมอทอง อำเภอท่าชนะ เพื่อดำเนินการตามมาตรการเร่งด่วนในการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(COVID)ด้วย
นายมานพเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 9 ตำบลสมอทอง อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี เมื่อได้รับแจ้งจากนางปราณีว่ามีรถยนต์หลายคันแล่นผ่านหน้าบ้านและได้ยินเสียงตัดต้นไม้ดังมาจากภูเขาใกล้สำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา จึงร่วมกับนายหรินทร์และนายพงษ์เทพผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเดินทางไปที่เกิดเหตุ เมื่อไปถึงพบพระชลธารผู้ตายที่ 1และนายชูรัตน์ ผู้ตายที่ 2 และรถยนต์กระบะ 3 คัน จอดอยู่บริเวณข้างทาง ผู้ตายที่ 1 บอกนายมานพว่ามาตีผึ้ง นายมานพบอกให้บุคคลทั้งสองอยู่เฉยๆ หลังจากนั้นจึงโทรศัพท์ไปหากำนันตำบลสมอทองแจ้งว่ามีชาวบ้านฝ่าฝืนพระราชกำหนดบริหารราชการแผ่นดินในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 2 เรื่องห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานระหว่างเวลา 22.00 น. ถึง 04.00 น. ในข้อนี้แม้ในเบื้องต้นพยานปากนายมานพ ทับเกลี้ยง นายสายชล ทองคำยาน กับนายมานพผู้ใหญ่บ้านนายหรินทร์และนายพงษ์เทพผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านจะเบิกความในลักษณะไม่ได้ความชัดว่าขณะที่นายมานพกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านทั้งสองไปถึงที่เกิดเหตุจะอยู่ในช่วงเวลาที่ห้ามมิให้บุคคลออกนอกเคหะสถานแล้วหรือไม่
แต่นายปัญญาภรณ์เบิกความว่า เมื่อพยานทราบเหตุ พยานกับพวกออกเดินทางจากอำเภอท่าชนะเมื่อเวลา 1 นาฬิกา ของวันรุ่งขึ้นใช้เดินทาง 20 นาที ถึงที่เกิดเหตุ แสดงว่านายปัญญาภรณ์กับผู้ใต้บังคับบัญชาเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุเมื่อเวลา 01.20 น. ซึ่งอยู่ในเวลาห้ามมิให้ บุคคลออกนอกเคหสถานแล้ว พบว่านายมานพกับผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านยังไม่จับกุมผู้ตายทั้ง 2 เพียงแต่ควบคุมผู้ตายทั้ง 2 ไว้ ในข้อนี้นายมานพเบิกความตอบทนายผู้ตายว่า ควบคุมตัวผู้ตายทั้ง 2 ไม่ได้ขัดขืน เมื่อนายปัญญาภรณ์กับพวกมาถึงที่เกิดเหตุ จึงได้ส่งผู้ตายทั้ง 2 อยู่ในความควบคุมของเจ้าหน้าที่ แม้การควบคุมตัวพระชลธารและนายชูรัตน์จะไม่ได้ใช้เครื่องพันทนาการ แต่ก็ได้ควบคุมไม่ให้ทั้งคู่หลบหนีออกไปจากที่เกิดเหตุ
ศาลจึงมีคำสั่งว่าพระชลธาร ถาวโร กาญจนบุตร กับนายชูรัตน์ คงคล้าย ตายที่บริเวณทางขึ้นลงพุทธอุทยานสำนักสงฆ์ถ้ำเขาเพ-ลา หมู่ที่ 9 ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2563 เหตุและพฤติการณ์ที่พระชลธาร ฯตายคือจากบาดแผลกระสุนปืนเข้าที่ลำคอและชายโครงขวา หัวใจและขั้วหัวใจฉีกขาด ส่วนนายชูรัตน์ ตายจากบาดแผลกระสุนปืนลูกปรายที่ไหปลาร้าขวา หลอดลมและเส้นเลือดใหญ่ขั้วหัวใจฉีกขาด ในระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่
นายสมบูรณ์ ทนายความยังเปิดเผยอีกว่า หลังจากศาลมีคำสั่งแล้วทางพนักงานอัยการจังหวัดไชยาได้สรุปสำนวนยุติคดีส่งมายังสำนักงานอัยการภาค 8 เมื่อกลางเดือนมกราคมที่ผ่านมาเพื่อให้อธิบดีอัยการภาค 8 ลงความเห็น เพื่อส่งสำนวนกลับมายังพนักงานสอบสวน สภ.ท่าชนะ ทางพนักงานสอบสวนเจ้าของคดี ก็จะส่งเรื่องไปดำเนินคดีต่อศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติชอบภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งตนเตรียมประสานทางญาติผู้เสียชีวิตเตรียมเคลื่อนไหวติดตามเรื่องที่สำนักงานอธิบดีอัยการภาค 8 สุราษฎร์ธานีเพื่อให้เรื่องคดีเดินเร็วขึ้น เนื่องจากคดีนี้จะมีอายุครบ 1 ปีในเดือนเมษายนนี้ ส่วนศพพระชลธารฯนั้นยังคงเก็บอยู่ที่วัดในพื้นที่อำเภอพะโต๊ะ จ.ชุมพร และตนเห็นว่าต้องรอ ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติชอบภาค 8 จังหวัดนครศรีธรรมราช ประทับรับฟ้องเสียก่อนจึงจะดำเนินการตามศาสนาได้ต่อไป
ด้านนางสาวณิตาภา กาญจบุตร น้องสาวพระชลธาร กาญจนบุตร ได้เข้ายื่นเรื่องขอรับค่าตอบแทนหรือสินไหมทดแทนในคดีอาญา ต่อนายสุธีรวัชร์ เจริญวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานยุติธรรมจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งหากพ้นกำหนด 1 ปีนับจากวันเกิดเหตุ ทางญาติผู้เสียชีวิตจะเสียสิทธิในการยื่นของรับเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ
นายสุธีรวัชร์ได้ กล่าวว่า ในปีงบประมาณที่ผ่านมาจังหวัดสุราษฎร์ธานีเป็นอันดับต้นๆที่มีผู้มายื่นเรื่องขอรับสินไหมทดแทนเป็นจำนวนมากเดือนละกว่า 10 ราย ที่ทางภาครัฐให้ความช่วยเหลือเยียวยาประมาณเดือนละกว่า 1 ล้านบาท ซึ่งแสดงว่าในพื้นที่มีปัญหามาก และในไตรมาสที่ผ่านมาจ่ายไปแล้ว 3-4 ล้านบาท ซึ่งทางสำงานยุติธรรมจังหวัดดูแลสร้างความรับรู้ในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งขบวนการยุติธรรม การช่วยเหลือเรื่องรูปคดี หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนโทรสายด่วน 1111 กด 77 จะมีเจ้าหน้าที่คอยรับ 24 ชั่วโมง.