วันนี้ (8 มี.ค.64) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.ท่าฉาง ร่วมกันเป็นสักขีพยาน ในการมอบสร้อยคอทองคำน้ำหนักสองสลึง ระหว่าง น.ส.วารุณี ใจดี อายุ 31 ปี เจ้าของร้านอาหารตามสั่งใน ต.เลม็ด อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี กับ นายนัฐพงศ์ มณีโชติ์ อายุ 20 ปี ชาวทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช เจ้าของสร้อยคอทองคำ หลัง น.ส.วารุณี เจอสร้อยทองเส้นดังกล่าวที่คลองน้ำใส แหล่งท่องเที่ยวชุมชนของ อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานี แล้วนำเรื่องมาปรึกษากับตำรวจ สภ.ท่าฉาง เพื่อตามหาเจ้าของสร้อยทองเส้นดังกล่าว
พ.ต.อ.สนธยา ปานแป้น ผู้กำกับการ สภ.ท่าฉาง เปิดเผยว่า วานนี้ (7 มี.ค.64) ได้รับการประสานจากคนรู้จัก ว่ามีพลเมืองดีพบสร้อยคอทองคำ จึงอยากรับคำปรึกษาจึงแจ้งให้มาดำเนินการที่ สภ.ท่าฉาง เพราะใกล้บ้านคนที่เจอสร้อยทอง ก่อนจะประกาศหาทางโซเชียล จนมีประชาชนทักมาจึงเรียกมามาสอบสวน จนแน่ใจว่าเป็นเจ้าของจริง พร้อมให้บุคคลที่เก็บสร้อยคอทองคำได้นำมาคืนเองเพื่อเป็นการชื่นชมคนดี
นายนัฐพงศ์ เจ้าของสร้อยทองส้นดังกล่าว เล่าว่า ทองเส้นนี้เป็นของขวัญที่แม่ซื้อให้หลังเรียนจบ ปวช. เมื่อวานเดินทางจาก อ.ทุ่งใหญ่ มาเที่ยวที่คลองน้ำใส ช่วงประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง ขณะกำลังจะทอดเสื้อเพื่อเล่นน้ำก็ไม่พบสร้อยที่คอแล้ว ไม่รู้หลุดจากคอหายไปตอนไหน ตนเดินหาเป็นชั่วโมงแต่ก็ไม่เจอ ก่อนทำใจและกลับบ้าน จนมีเพื่อนมาบอกว่า มีคนโพสต์ในเฟซบุ๊กตามหาเจ้าของสร้อยทอง คิดว่าต้องเป็นของตนแน่ จึงประสานตำรวจขอตรวจสอบ รู้สึกดีใจมากและขอบคุณพี่สาวที่นำมาคืนให้ตนเอง
น.ส.วารุณี ผู้ที่เก็บสร้อยคอทองคำแล้วนำมาคืนเจ้าของ เปิดเผยว่า ตนเองเคยมีประสบการณ์สร้อยคอทองคำเส้นสองสลึงหายเหมือนกัน ตอนนั้นทุกข์ใจมาก พอมีคนเจอนำมาคืนก็รู้สึกดีใจมากที่สุด
“เมื่อวานพอเจอสร้อยตกอยู่บนพื้นดิน จึงคิดถึงใจคนที่ทองหายทันทีว่าเขากำลังทุกข์ใจมาก จึงรีบประสานและตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเป็นทองจริง และให้พี่ตำรวจช่วยตามหาเจ้าของให้เร็วที่สุด” น.ส.วารุณี กล่าว
อย่างไรก็ตาม นายนัฐพงศ์ได้ขอมอบสินน้ำใจเล็กน้อยเพื่อตอบแทนความดี แต่ น.ส.วารุณี ไม่ขอรับเพราะเข้าใจ ถือเป็นเรื่องน่ายินดี โดยทางแม่บ้านตำรวจ สภ.ท่าฉาง ได้มอบกระเช้าเป็นกำลังใจชื่นชมคนดีของสังคม