ภูมิภาค
ผู้ใหญ่บ้านสุดเดือด! ถูก บ.เอกชนฟ้อง ม.157 หลังไม่เซ็นต์รับรองแนวเขตที่รุกล้ำพื้นที่ป่าชายเลน
วันพฤหัสบดี ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2565, 19.43 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
วันนี้ (21 ก.ค.65) นายบรรจง ศรีประทุม ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ที่ 8 (บ้านบางน้ำจืด) ต.ดอนสัก อ.ดอนสักสัก จ.สุราษฎร์ธานี ได้ยื่นหนังสือต่อนายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานี ขอให้ตรวจสอบการรุกล้ำแนวเขตที่ดินที่ติดต่อกับทะเลที่เป็นพื้นที่ป่าชายเลนในพื้นที่บางน้ำจืด หลังจากบริษัทเอกชนได้มีการถมดินทำกำแพงปิดกั้นและก่อสร้างอาคารรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ดังกล่าวและเกินแนวเขตหลักหมุดโฉนดที่ดินของบริษัท ซึ่งก่อนหน้านี้ทางบริษัทได้ขอขยายแนวเขตที่จากหลักหมุดโฉนดที่ดินเดิมออกมาครอบที่ดินดังกล่าว และให้รับรองแนวเขตแต่ตนเองไม่รับรองแนวเขตให้พร้อมได้คัดค้านไม่เห็นชอบด้วยเนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่สาธารณะป่าชายเลนที่ประชาชนใช้ร่วมกัน ต่อมาทางบริษัทได้ฟ้องตนต่อศาลอาญาทุจริตประฤติมิชอบภาค 8 ดังนั้นจึงขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบเข้าตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวเพื่อดำเนินการขั้นต่อไป
หลังจากได้รับหนังสือร้องเรียนแล้ว นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานีพร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติกรและปลัดอำเภอดอนสักได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโดยมีตัวแทนจากทางบริษัทร่วมเป็นพยาน ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านได้นำเจ้าหน้าที่ไปชี้จุดหลักหมุดโฉนดของบริษัททั้ง 3 จุด ทางเจ้าหน้าที่จึงได้จับ GPS พบว่าในเบื้องต้นทางบริษัทดังกล่าวได้มีการถมดิน ก่อสร้างอาคาร และก่อสร้างกำแพงรั้วรุกล้ำเข้าไปในพื้นที่ป่าชายเลนกว่า 3 ไร่ ทาง ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานีจึงได้ขอเอกสารโฉนดที่ดินของบริษัทมาทำการเปรียบเทียบ แต่ตัวแทนบริษัทอ้างว่าเจ้าหน้าที่ที่ดูแลไม่อยู่ ทางเจ้าหน้าที่จึงได้ทำบันทึกการตรวจสอบพร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนัดวันเวลาเข้าตรวจสอบอีกครั้งเพื่อดำเนินการต่อไป
ด้านนายบรรจง ศรีประทุม ผู้ใหญ่บ้าน ม.8 เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ทางบริษัทดังกล่าวได้ก่อสร้างคานเรือ ตนเองก็ได้คัดค้านและนำไปฟ้องต่อศาลปกครอง โดยศาลปกครองได้มีคำสั่งให้ทางบริษัทเรื้อคานเรือออก ต่อมาทางบริษัทก็ได้ก่อสร้างอย่างอื่นเพิ่มเติมในพื้นที่ ประกอบกับในยุค คสช.ได้ตรวจสอบผู้บุกรุกพื้นที่สาธารณะ แต่พอเรื่องนี้ซาลงทางบริษัทได้ไปยื่นเรื่องขอขยายแนวเขตโฉนดที่ดินกับ สำนักงานที่ดินจังหวัดสุราษฎร์ธานีส่วนแยกอำเภอดอนสัก ซึ่งทางผู้ใหญ่บ้านย้ำว่าทางบริษัทได้ซื้อที่ดินที่เป็นโฉนด ไม่ได้ซื้อที่ดินเป็น น.ส.3 เมื่อซื้อที่ดินที่เป็นโฉนดมาและจะมาขอเปลี่ยนแปลงโฉนดเพื่อจะคลุมที่สาธารณะ และมาขอให้ตนเซ็นต์รับรองแต่พอตนไม่เซ็นต์รับรองให้ ก็อ้างว่าตนเองมีผลประโยชน์และโกรธเคืองบริษัท และกล่าวหาว่ามีผลประโยชน์ลอยๆ แล้วไปฟ้องตนที่ศาลอาญาคดีทุจริตประพฤติมิชอบภาค 8 ซึ่งผู้ใหญ่บ้านยังระบุว่าสิ่งที่ตนทำนั้นไม่ใช่ทำเพื่อตนเอง ทำเพื่อส่วนรวมและปกป้องพื้นที่สาธารณะของหมู่บ้าน ซึ่งในอดีตที่ผ่านมาได้ต่อสู้กับนายทุนรายหนึ่งที่จะเอาที่ดินสาธารณะไปครอบครองมาตั้งแต่ปี 2538 จนล่าสุดสามารถออกหนังสือ นสล.ในปี 2564 รวมระยะเวลาการต่อสู้ 26 ปี ซึ่งผลประโยชน์นั้นได้ตกอยู่กับประชาชนคนไทยทุกคน
นายวิชัย สมรูป ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งที่ 4 สุราษฎร์ธานี ระบุว่า หลักหมุดโฉนดที่ดินนั้นมี GPS ขึ้นเชื่อมโยงกับแผนที่ดาวเทียม ต่อให้การขยับเคลื่อนย้ายหลักหมุดอย่างไรก็ไม่มีผล เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบได้ตามแผนที่ดาวเทียม.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่