เช้าข่าว 7 สี – เจ้าของร้านกาแฟในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ประสบปัญหาการแพร่ระบาดโรคโควิด-19 ทำให้ต้องปิดร้าน หันมาเลี้ยงด้วงสาคู ส่งขายต่างประเทศ
อดีตเจ้าของร้านกาแฟ นี้อยู่ในพื้นที่หมู่ 7 ตำบลพรุไทย อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานี กำลังใช้พื้นที่ที่บ้าน ขนาด 4 คูณ 4 ตารางเมตร ในการเพาะเลี้ยงด้วงสาคู เริ่มจากใช้ต้นสาคูมาบดละเอียด ใส่ลงในกะละมังพลาสติก แล้วใช้หัวอาหารใส่ลงไป คลุกเคล้าให้เข้ากัน แล้วโรยด้วยขุยมะพร้าวที่หั่นเป็นชิ้นทับอีกครั้ง จากนั้นนำแมงหวังที่เป็นพ่อพันธุ์ แม่พันธุ์ จำนวน 3 คู่ ลงไปเลี้ยงในกะละมัง เพื่อให้วางไข่ โดยจะใช้เวลาเลี้ยงประมาณ 30-45 วัน ก็จะได้ด้วงสาคูที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือ พร้อมที่จะส่งขาย
นางสาวชนัญธิดา ดิษยาอัครนนท์ ผู้เพาะเลี้ยง เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยทำร้านกาแฟ แต่มาช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบที่ 2 ก็หยุดขาย จึงได้คิดหาอาชีพใหม่ที่ทำอยู่กับบ้านได้ ซึ่งที่บ้านก็มีพื้นที่ จึงได้คิดที่จะเลี้ยงตัวด้วงเพราะเลี้ยงง่ายใช้พื้นที่ไม่มาก และกำลังเป็นที่ต้องการของตลาด โดยในแต่ละเดือนจะสามารถผลิตตัวด้วงสาคู ได้ประมาณ 50-100 กิโลกรัมเท่านั้น ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของลูกค้า ทั้งลูกค้าที่เป็นโรงงานแปรรูปส่งขายต่างประเทศ และลูกค้าทั่วไป
ด้วงสาคูเป็นที่นิยมบริโภคกันมาก เนื่องจากตัวด้วงสาคูจะให้โปรตีนสูง และก่อนที่จะส่งให้ลูกค้าจะต้องนำมาต้มให้สุก แล้วแพ็กด้วยระบบสูญญากาศแล้วนำไปแช่แข็ง เตรียงส่งให้ลูกค้าที่สั่ง ที่จะนำไปปรุงอาหารได้หลายชนิด ทั้งเมนูด้วงสาคูผัดน้ำมัน ผัดกะทิ ทอด หรือคั่วเกลือก็จะอร่อยมา โดยราคาขายปลีกจะอยู่ที่กิโลกรัมละ 200 บาท และขายส่งราคา 180 บาทต่อกิโลกรัม