เสียงธุรกิจโรงแรม-ทัวร์
หนุนคนละครึ่งเฟส 3
ยืดกระตุ้นท่องเที่ยว
หมายเหตุ – ความเห็นจากผู้ประกอบการด้านโรงแรมและท่องเที่ยว ต่างสนับสนุนโครงการคนละครึ่งเฟส 3 และขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมทั้งเปลี่ยนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าเป็นทัวร์เที่ยวไทย
พัลลภ แซ่จิว
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่
โครงการคนละครึ่งที่เตรียมจะขยายไปสู่เฟส 3 เข้าใจได้ว่ารัฐบาลก็มองในแบบบริษัทที่ทำธุรกิจ เช่น เมื่อสินค้าตัวไหนขายไม่ดีก็ต้องปรับเปลี่ยน นำสินค้าตัวที่จะขายได้ออกมา เป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว และยอมรับว่าหากอะไรที่ไม่เข้าเป้า ไม่ได้หมายความว่าผิดพลาดหรือบกพร่อง แค่ทดลองทำหลายๆ อย่าง เมื่อเริ่มในกลุ่มนี้ยังไม่กระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต้องทำกลุ่มใหม่หากสำเร็จ เกิดเม็ดเงินก็เป็นเรื่องดี
โครงการคนละครึ่งเป็นเรื่องของการมองคนละมุม หากเป็นกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวก็มองอีกแบบ แต่หากเป็นประชาชนหรือกลุ่มนักท่องเที่ยวก็จะมองอีกแบบว่า โครงการนี้ประสบความสำเร็จเร็วกว่าโครงการ
อื่นๆ ทุกโครงการ เพราะประชาชนและนักท่องเที่ยวเป็นผู้ได้ประโยชน์ และฝ่ายรัฐก็น่าจะพอใจในการทำแบบนี้มากกว่า เพราะประชาชนที่ได้สิทธิรู้สึกชื่นชอบว่ารัฐทำได้ดี เลยจะมีการขยายและทำต่อ
ทุกวันนี้เวลาเราไปเดินตลาดสด หรือตลาดนัด จะพบป้ายคนละครึ่งแขวนเต็มไปหมด พ่อค้าแม่ค้าก็ปรับตัวและเรียนรู้กับสิ่งใหม่ เพราะคนใช้กันเยอะมาก รัฐมีแนวทางให้ใช้วันละ 150 บาท เงินก็จะค่อยๆ ทยอยใช้ไม่หมดง่ายๆ มีระยะเวลานาน มากกว่าโครงการเที่ยวด้วยกันที่อาจจะมีจุดเทาๆ ในบางจุด ที่ต้องปรับแก้กัน
โครงการคนละครึ่งเฟส 3 สมควรทำ เพราะกระตุ้นเศรษฐกิจให้หมุนเวียน เอกชน บริษัท หรือแม้แต่องค์กรภาครัฐ ไม่สามารถบอกได้ว่าช่วยได้กี่เปอร์เซ็นต์ แต่เขาก็มีการประมาณการ ทดลองทำ ไม่ดีก็ปรับเปลี่ยน แต่ก็ต้องเข้าใจนะว่าโครงการแต่ละอย่างไม่ใช่ว่าทุกธุรกิจจะได้ประโยชน์ คนได้ประโยชน์ก็จะเป็นบางกลุ่ม ก็ต้องยอมรับ เช่น ตอนที่เราให้ อสม.เดินทางท่องเที่ยว 2,000 บาท โรงแรมขนาดใหญ่แถวหัวหิน ภูเก็ต สมุย กระบี่ เขาก็ไม่ชอบบอกว่าไม่เอา เพราะเขาไม่ได้ แต่โรงแรมขนาดเล็ก รีสอร์ต ร้านอาหารทัวร์รื่นเริง เขาบอกว่าชอบ ชะอำ ระยอง เขาบอกมาเลย เพราะเขาได้ รถทัวร์เขาได้
ส่วนที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จะขยายเวลาการดำเนินโครงการเราเที่ยวด้วยกันจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม และเพิ่มจำนวนห้องพักในโครงการอีก 2 ล้านห้องนั้น ทำได้ทำเลย เพราะจากคราวที่แล้ว ททท.เขาสำรวจแล้วพบว่าคนเจเนอเรชั่น Z ออกเดินทางพร้อมครอบครัววัยเก๋าหรือผู้สูงอายุ 51.8% ไปกันแบบครอบครัว เช้าไปวัด บ่ายไปคาเฟ่เจอกลุ่มเพื่อน พ่อแม่ก็ไปด้วยได้ แต่นั่งกันคนละมุม รอได้ แล้วใช้สิทธิของครอบครัว ขณะที่ 15% เป็นคู่รัก และอีก 15% เป็นกลุ่มเพื่อน เขาเลยจับสองกลุ่มนี้เป็น 30% ในช่วงอายุ 18 ปีขึ้นไป กระตุ้นให้ออกเดินทาง ซึ่งน่าจะตรงจุดพอดี
ต้องแยกเลยว่านักท่องเที่ยวมีสองแบบแต่เหมือนกัน คือทัวริสต์ เป็นกลุ่มวัยเก๋าที่ต้องวางแผน เห็นว่าการใช้เทคโนโลยียุ่งยาก ไม่ทำเอง แต่ซื้อทัวร์ มีไกด์นำทาง จัดการเรื่องรถ ที่พัก กิน นอน ไปเที่ยวในที่ต้องการ แล้วจบที่การสังสรรค์ในยามค่ำคืน กลุ่มนี้จบ แต่เทเวลเลอร์
คือซื้อตั๋วเดินทางเอง ใช้เทคโนโลยี เช่ารถขับไปเอง ไปตามชุมชน ร้านกาแฟ หลงไม่เป็นไร กระโดดไปที่ใหม่ ไม่เครียด ถ่ายรูป แชร์ แล้วเขียนบล็อก
ส่วนการเปลี่ยนโอนเงินสมทบจากรัฐบาลไปที่บริษัททัวร์แทนส่งเงินให้ผู้เข้าร่วมโครงการ ไม่เสี่ยงอะไร เพราะ ททท.ลองทำมาแล้วพักหนึ่ง เขาไม่ได้โอนไปเรื่อย แต่มีบริษัทนำเที่ยวทำจริง ขายจริง มีระบบ พาเดินทาง มีโปรแกรม มีหลักฐานตรวจสอบง่าย เพราะ ททท.มีสำนักงานในทุกภูมิภาคทุกพื้นที่เข้าไปร่วมแจมได้ เช่น เลี้ยงอาหารค่ำหนึ่งมื้อและถ่ายรูป
มาริสา สุโกศล หนุนภักดี
นายกสมาคมโรงแรมไทย
ที่ผ่านมาสมาคมโรงแรมไทยได้ยื่นเสนอข้อเรียกร้องเพื่อขยายเวลาและเพิ่มสิทธิโครงการเราเที่ยวด้วยกัน เนื่องจากโครงการนี้ดีมากๆ เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนออกมาท่องเที่ยวที่เห็นผลชัดเจน จากการช่วยอุดหนุนราคาห้องพัก 40% ขณะที่สิทธิในการซื้อตั๋วเครื่องบินทราบว่ายังใช้ไม่หมด โดยผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เสนอให้มีการทำตั๋วบุฟเฟต์ เพื่อให้ซื้อราคาเดียว ใช้จำนวนไฟลต์ไม่จำกัด ภายในระยะเวลาที่กำหนด ทำให้นักท่องเที่ยวมีความสะดวกสามารถเลื่อนไฟลต์บินได้ ทำให้มีความยืดหยุ่น นักท่องเที่ยวเลือกที่จะเดินทางไปเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย กระบี่ ซึ่งที่ผ่านมาจังหวัดท่องเที่ยวเหล่านี้ประสบปัญหาค่อนข้างมาก เพราะในอดีตหลายจังหวัดพึ่งพารายได้จากชาวต่างชาติเป็นหลัก
ส่วนแนวทางอื่นที่ภาครัฐพยายามนำเสนอเพิ่มเติมก็จะทำให้ผู้ประกอบการได้รับประโยชน์มากขึ้น ขณะที่บริษัททัวร์ยังไม่ได้การสนับสนุน ดังนั้น แนวทางใหม่ๆ ก็จะช่วยให้บริษัททัวร์อยู่รอด โดยเฉพาะโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าก็จะกระตุ้นให้เที่ยวในวันธรรมดาเพิ่มขึ้นหรือเดินทางเป็นกลุ่ม ก็จะช่วยทั้งบริษัททัวร์และโรงแรมได้เป็นอย่างดี
สำหรับปัญหาการทุจริตที่ตรวจสอบพบ ปัจจุบันภาครัฐพยายามปิดช่องโหว่ทำให้ยากในการทุจริต โดยสมาคมได้ร่วมแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด เชื่อว่าต่อไปจะมีการเปลี่ยนแปลงวิธีการจองสิทธิให้รัดกุมมากขึ้น
หากประเมินแนวโน้มการท่องเที่ยวในประเทศในไตรมาส 2 ตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 จะเห็นว่าช่วงตรุษจีนและวันมาฆบูชาที่มีวันหยุดยาว จังหวัดท่องเที่ยวที่ได้อานิสงส์มีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะเป็นจังหวัดที่ใกล้กรุงเทพฯ แต่สมาคมมองว่าการท่องเที่ยวในระยะยาวถึงสิ้นปี ต้องการให้ภาครัฐช่วยเหลือผู้ประกอบการเพื่อพยุงธุรกิจให้อยู่รอด ทำไปพร้อมกับมาตรการในการกระตุ้นการเดินทาง
เชื่อว่าการกระตุ้นให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวในประเทศอาจจะไม่เพียงพอสำหรับโรงแรมส่วนใหญ่ ดังนั้น สิ่งที่ดีที่สุดภาครัฐควรตัดสินใจรับนักท่องเที่ยวที่ฉีดวัคซีนแล้วโดยไม่ต้องกักตัว และควรเร่งฉีดวัคซีนให้คนไทยด้วยกันเพื่อให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ได้เร็วขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับการท่องเที่ยว
นอกจากนั้น ทราบว่าภาครัฐมีนโยบายฉีดวัคซีนให้บุคลากรด้านการท่องเที่ยวที่อยู่ด่านหน้า โดยวางแผนจัดสรรเป็นโซนนิ่งหรือรายจังหวัด เชื่อว่ามาตรการนี้กระตุ้นให้เศรษฐกิจการท่องเที่ยวเดินหน้าไปได้ เพราะที่ผ่านมาผู้ประกอบการภาคธุรกิจการท่องเที่ยวมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว หากปล่อยสถานการณ์ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ก็จะไม่เป็นผลดีในระยะยาว
ยืนยันว่าผู้ประกอบการไม่สามารถรอการพลิกฟื้นให้นานไปมากกว่านี้แล้ว ส่วนตัวยังมีหวังว่าอีกไม่นานมาตรการต่างๆ จะได้รับการผ่อนคลาย เพื่อรับนักท่องเที่ยวได้เพิ่มขึ้น
ชยพล หิรัณย์กนกกุล
นายกสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวจังหวัดพังงา
กรณีรัฐเตรียมเปิดโครงการคนละครึ่งเฟส 3 พร้อมขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเปลี่ยนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าเป็นทัวร์เที่ยวไทย โดยเปลี่ยนเงื่อนไขและกลุ่มเป้าหมายเพิ่มเติมจากจำกัดเพียงผู้สูงอายุ สู่กลุ่มเป้าหมายใหม่ที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป มีส่วนที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน เนื่องจากว่ากลุ่มเป้าหมายจะกว้างขึ้นและง่ายขึ้นจะทำให้สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้ดีกว่า
ส่วนเรื่องการเปลี่ยนการโอนเงินสมทบจากรัฐบาลไปที่บริษัททัวร์แทนส่งเงินให้ผู้เข้าร่วมโครงการตนเองมองว่าก็เป็นเรื่องที่ดีเช่นกัน เนื่องจากโครงการไทยเที่ยวไทยก็จะได้แค่นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งเท่านั้น และผู้ประกอบการเอง
ที่พังงามากกว่าครึ่งที่รอรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเนื่องจากกำลังซื้อของนักท่องเที่ยวต่างชาติมีมากกว่า โครงการคนละครึ่งเฟส 3 โครงการนี้สามารถช่วยเหลือได้ทุกภาค และสามารถช่วยผู้ประกอบการรายเล็กได้จริง รวมทั้งภาคบริการ ประชาชนทั่วไปด้วย
อาร์ม วงศ์อำไพพิสิฐ
เลขาธิการหอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี
เห็นด้วยที่รัฐบาลขยายโครงการเราเที่ยวด้วยกัน และเปลี่ยนโครงการเที่ยวไทยวัยเก๋าเป็นทัวร์เที่ยวไทย โดยเปิดให้กลุ่มวัยรุ่นได้มีโอกาสเข้าถึงโครงการนี้ เพราะกลุ่มที่มีโครงสร้างศักยภาพสูงในการจับจ่ายใช้สอยเข้าพักโรงแรมและท่องเที่ยวได้หลากหลายกว้างกว่ากลุ่มวัยเก๋าที่จะไปท่องเที่ยวเฉพาะในบางแหล่ง จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและธุรกิจการท่องเที่ยวได้มาก
ทั้งนี้ หอการค้าจังหวัดสุราษฎร์ธานีจะจัดงานฟู้ดแฟร์ที่เป็นงานเทศกาลอาหารครั้งใหญ่ริมเขื่อนแม่น้ำตาปี ระหว่างวันที่ 7-15 พฤษภาคมนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่มีการฉีดวัคซีนโควิดแล้วและเป็นช่วงที่อาหารทะเลซีฟู้ดกำลังออกสู่ตลาด จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวหลังโควิดได้ดี
อย่างไรก็ตาม ขอเสนอทางรัฐบาล ช่วยแก้ปัญหาโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ให้กลุ่มที่พักแบบโฮมสเตย์ได้เข้าร่วมโครงการ เนื่องจากใน จ.สุราษฎร์ธานี มีโฮมสเตย์หลายแห่งที่ขึ้นทะเบียนกับ อบต.ในท้องที่ แต่ไม่อยู่ในข้อกำหนดที่จะเข้าโครงการได้ หากได้เข้าร่วมจะเป็นการกระจายเม็ดเงินสู่ชุมชนในท้องถิ่นได้ด้วย