23 ก.ย.2565 – นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวภายหลังการตรวจเยี่ยมโครงการ “คาราวาน พาณิชย์…ลดราคา! ช่วยประชาชน Lot 20” ที่ถนนคนเดินสะพานนริศ (ตรงข้ามวัดกลางเก่า) ตําบลตลาด อําเภอเมือง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
นายจุรินทร์ กล่าวว่า โครงการพาณิชย์ราคายังเดินหน้าอยู่ ในส่วนกรุงเทพมหานครและปริมณฑล และต่างจังหวัดยังมีการจัดในทุกจังหวัด จังหวัดละ 8-10 จุด จะเดินหน้าโครงการถึงสิ้นเดือนกันยายนและจะพิจารณาความเหมาะสมอีกครั้งหนึ่ง ถ้าจำเป็นก็จะขยายระยะเวลาต่อไป
ถามถึงมาตรการของรัฐบาลที่ปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำว่ากระทรวงพาณิชย์จะมีการดูแลราคาสินค้าอย่างไร นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับการกำกับดูแลราคาสินค้าเรากำกับดูแลมาโดยตลอด ขณะนี้สินค้าหลายรายการราคาปรับลดลง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันปาล์มขวดซึ่งปรับลดลงมา 2-3 รอบ เมื่อราคาผลปาล์มปรับลงมาราคาน้ำมันปาล์มขวดต้องปรับลดลงมา ขึ้นอยู่กับสต๊อกเก่าที่ต้นทุนสูงค้างอยู่ส่วนหนึ่ง ให้ไปตรวจสอบแล้วว่าเหลือจริงเท่าไหร่ สต๊อกใหม่จะต้องสอดคล้องกับต้นทุน
เมื่อถามถึงเรื่องราคานำเข้าต้นทุนอาหารสัตว์ที่สูงขึ้นว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าหลังจากนี้หรือไม่ และช่วงนี้ค่าเงินบาทอ่อนลงจะเป็นโอกาสในการผลักดันสินค้าส่งออกอย่างไรนายจุรินทร์ กล่าวว่า เรื่องต้นทุนราคาอาหารสัตว์ ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ช่วยผ่อนปรนมาตรการในการนำเข้าเป็นกรณีพิเศษและมีการลดภาษีนำเข้าเป็นกรณีพิเศษ เพื่อไม่ต้องเพิ่มต้นทุนการนำเข้าอาหารสัตว์ เช่น ข้าวสาลีหรือข้าวบาร์เลย์ เป็นต้น สำหรับราคาสินค้าอุปโภคบริโภคกระทรวงพาณิชย์มีราคากำกับตามโครงสร้างอยู่ ซึ่งผักบางตัวมีการปรับราคาลดลง ตามฤดูกาล และหากมีการฉวยโอกาสขึ้นราคา ถ้าค่าแรงเพิ่มก็จะมีกฎหมายกำกับอยู่ ตนได้สั่งการให้ดูทั่วประเทศ หากพบการค้ากำไรเกินควรหรือฉวยโอกาสก็จะดำเนินการตามกฏหมายสูงสุด
และตนได้มีการประชุมกับสำนักงานพาณิชย์ในต่างประเทศทั่วโลก ปรับแผนเพื่อต้องการตัวเลขออกเพิ่มขึ้นในครึ่งปีหลังเพิ่มอีก 300 กว่ากิจกรรมในปีนี้ จาก 185 กิจกรรมเป็น 530 กิจกรรมทั่วโลก จะช่วยทำเงินเพิ่มไม่ต่ำกว่า 20,000 ล้านบาทเข้าประเทศสำหรับการส่งออก ตนมั่นใจว่าการส่งออกปีนี้โตเกินเป้าที่กำหนดไว้ที่ 4% ตอนนี้ 10.5% และไม่เป็นประโยชน์เฉพาะพ่อค้าส่งออก ถ้าการส่งออกดีโรงงานจะดำเนินการต่อได้ ผู้ใช้แรงงานมีงานทำ ราคาพืชเกษตรในประเทศดีขึ้น เกษตรกรจะได้รับผลลัพธ์ในทางที่บวกในที่สุด การส่งออกเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและทำรายได้ สุดท้ายปลายทางให้เศรษฐกิจฐานรากทั้งผู้ใช้แรงงานเกษตรกรและคนไทยทั้งประเทศมีเงินเข้าช่วยเหลือเจือจุนจากโครงการสร้างสะพาน ไฟฟ้า ประปา ถนนทั้งหมด เพราะเงินที่มาจากการส่งออกส่วนนึง
ต่อข้อถามถึงสินค้าเกษตรของภาคใต้ว่าจะมีโอกาสเติบโตขึ้นหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ถือว่าพืชเกษตรภาคใต้ราคาดีมาก ทั้งปาล์มน้ำมัน ยางพาราและผลไม้ราคาดีมากปีนี้ ทั้งทั่วประเทศรวมทั้งภาคใต้ ยางพารา 3 โลร้อยไม่มีแล้ว ก่อนหน้านี้ไปกิโลกรัมละ 60 กว่าบาท ตอนนี้ปรับลงมาเหลือ 40-50 บาทแล้วแต่กรณี เพราะเกิดปัญหาเรื่องการผลิตรถยนต์ได้น้อยลงกระทบหลายประเทศ ต้องใช้เซมิคอนดักเตอร์ซึ่งไต้หวันผลิต 40% ของโลกเกิดปัญหากับจีน ทำให้ผลิตได้น้อยลงจึงขาดแคลน ทำให้การผลิตรถยนต์ปรับลดลง ยางรถยนต์ซึ่งติดกับรถยนต์จึงขายได้น้อยลง ราคาจึงปรับลดลงมา ถ้าอาการเริ่มปกติราคายางจะปรับขึ้นมา ปาล์มน้ำมัน เมื่อก่อนกิโลกรัมละ 2 บาทกว่าหลายปี ตอนนี้ปรับเป็น 9-12 บาท/กก. แต่ช่วงนี้ลงเหลือ 5-6 บาท/กก. เพราะอินโดนีเซียที่ปลูกปาล์มมาก เร่งรัดการส่งออกและลดภาษีการส่งออก เพื่อต้องการตีตลาด ทำให้เราส่งออกได้น้อยลง
อย่างไรก็ตามโดยนโยบายของรัฐบาล นโยบายของประชาธิปัตย์ แม้ราคาพืชเกษตร ปาล์ม ยางของภาคใต้จะราคาลดลง เราก็ยังมีตัวช่วยคือ ประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยางและสวนปาล์ม จะมีเงินชดเชยให้ตามรายได้ที่ประกัน คือสิ่งที่เป็นหลักประกัน เรื่องประกันรายได้คือสิ่งที่เราเดินหน้าทำมาตลอดและตนคิดว่าจะทำให้เกษตรกรอุ่นใจขึ้นในการเดินหน้า มีกำลังใจทำการเกษตรต่อไป เพื่อเป็นฐานเศรษฐกิจสำคัญให้กับประเทศ
ทั้งนี้การลงพื้นที่ในครั้งนี้ ประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีได้ให้การตอบรับพร้อมขอบคุณนายจุรินทร์ และทีมงานในพื้นที่ ที่นำสินค้าราคาพิเศษมาจัดจุดจำหน่ายในพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งลดสูงสุดถึง 50% ถึงวันที่ 7 พฤศจิกายนนี้ จำหน่ายสินค้าราคาประหยัดทั่วทุกอำเภอ จำนวน 480 จุด จำหน่ายทุกวัน วันละ 8 จุด สินค้าไฮไลต์ เช่นไข่ไก่ น้ำตาล เนื้อหมู เนื้อไก่ ข้าวหอมมะลิและน้ำมันปาล์ม และสินค้าอุปโภคบริโภค 6 หมวดสำคัญ อีกไม่ต่ำกว่า 80 รายการ ซึ่งจะช่วยลดค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชนชาวสุราษฎร์ธานีที่มาซื้อสินค้าราคาพิเศษ